เล่าสู่กันฟัง
ช่วงต้นปี 2563 อาจารย์ได้อุปสมบทที่วัดเทพศิรินทร์แล้วไปอินเดีย พอกลับจากอินเดียมาพักที่วัดพุทธแสงธรรม อ.หนองแค จ.สระบุรี และได้พบกับพระรูปหนึ่งเป็นมหาเปรียญธรรม 4 ประโยค ท่านบ่น ๆ ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยราบรื่น ตอนนี้ก็กำลังอ่านหนังสือสอบเปรียญธรรม 5 ประโยค เครียด ๆ อยู่
อาจารย์ก็เลยเช็คชื่อให้ท่าน (ชื่อท่านคือ พระนพรัตน์ นามสกุลของสงวนไว้) เมื่อเช็คทั้งชื่อ และนามสกุล ร่วมกับวันเดือนปีเกิดแล้ว ก็เห็นว่าไม่ดีจึงแนะนำให้ท่านเปลี่ยน ท่านก็ยินดีเปลี่ยน
วันที่ท่านได้รับชื่อจากอาจารย์ต้น ท่านบอก " ชอบชื่อนี้มาก ๆ " อยากเปลี่ยนเร็ว ๆ ขณะที่ยังไม่ได้เปลี่ยน ท่านก็ใช้ชื่อใหม่แล้ว ใช้ในโปรไฟล์ของไลน์และเฟซบุ้ค
พอดีตอนนั้นเป็น่ช่วงที่โควิดระบาดอำเภอปิดทำการท่านก็รอ พอถึงวันที่อำเภอเปิดทำการท่านรีบไปเลย พอได้เปลี่ยนชื่อแล้วท่านก็ส่งใบเปลี่ยนชื่อมาให้ดู
หลังจากเปลี่ยนชื่อแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็ถึงเวลาสอบเปรียญ 5 ท่านก็ไลน์หาอาจารย์เสมอบ่นว่ากลัวจะสอบไม่ผ่าน แต่แล้วพอผลสอบออกมาปรากฏว่าท่านสอบผ่าน ท่านเชื่อว่า "ชื่อใหม่" ส่งผลร่วมด้วยแน่นอน
มีอีกเรื่อง ที่ท่านได้ส่งข่าวมาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมานี้เอง (9 พ.ค.64 ) คือท่านได้สร้างวัดไว้ที่ พุน้ำร้อน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย สร้างไว้หลายปีแล้ว และท่านได้ยื่นเรื่อง " ขอขึ้นทะเบียนเป็นวัด " หลายปีที่ผ่านมาได้ส่งเรื่องเข้าไปเพื่อพิจารณา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ส่งเรื่องไปก็เงียบ ส่งอีกก็เงียบ แต่นี่ " เหลือเชื่อ " จริง ๆ ตอนนี้มีคนในหน่วยราชการเข้ามาแล้วก็ช่วยให้วัดได้รับการพิจารณาแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ความหวังใกล้สำเร็จ
ท่านดีใจมาก ๆ บอกว่า ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาดูเหมือนว่าอะไร ๆ จะราบรื่นดี มีเรื่องดี ๆ ผ่านเข้ามาอยู่เสมอ อาจารย์ต้องได้มาที่เชียงราย ต้องมาที่วัดนี่้ให้ได้นะโยมอาจารย์