อย่างที่บอกว่า อาจารย์ชอบตั้งชื่อให้คนที่พบเจอแบบฟรี ๆ เป็นการช่วยเหลือเขา ซึ่งได้บุญไปอีกแบบหนึ่ง คือจิตใจคิดให้ อยู่ตลอดก็ทำให้จิตใจรู้สึกดี
วันหนึ่งอาจารย์ก้ไปตัดผมร้านใหม่ ช่างเขาก็มีลักษณะพิเศษคือตัวไม่สูงนัก ต้องใส่รองเท้าส้นตึกยืนตัดผม นิสัยดี ขณะตัดผมก็คุยกัน แกเล่าว่าเมื่อก่อนก็มีเงินทองซื้อตึกแถวห้องนี้ไว้แต่ชีวิตก็พลิกผัน ต้องไปอยู่ในเรือเดินทะเล ประสบกับวิบากกรรมลำบากมาก ๆ อยู่ 3 ปีกว่า เป็นหนี้สินมากมาย จากนั้นก็ออกจากงานที่อยู่ในเรือเดินทะเล กลับมาบ้านก็ไม่มีอะไรทำเป็นหลัก เอาตึกที่ซื้อไว้ไปจำนองสุดท้ายก็ถูกธนาคารยึด และตึกก็ตกเป็นของคนอื่นไปเรียบร้อย ตัวแกเองก็มาเช่าตึกที่เคยเป็นของแก น่าเศร้าจริง ๆ ส่วนเมียก็ขายข้าวแกง ลูกเรียนมัธยม
อาจารย์ก็ถามชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิ แล้วคำนวณตรวจเช็คชื่อให้ ปรากฏว่าชื่อบ่งบอกว่าจะหมดเนื้อหมดตัว ลำบากยันแก่ หนี้สินท่วมตัวต้องอยู่โดดเดี่ยว แกก็เลยปรึกษาว่าอาจารย์ช่วยผมได้มั้ย ก็เลยตั้งชื่อให้แก ให้ฤกษ์ไปเปลี่ยนและวิธีทำบุญด้วย แกดีใจมาก พอตัดผมเสร็จจะไม่ยอมรับเงินค่าตัดผม แต่อาจารย์ไม่ยอมบอกว่าต้องรับไป แกก็ให้เบอร์โทรมาบอกว่าครั้งต่อไปหากอาจารย์จะมาตัดผมก็ให้โทรมาบอกล่วงหน้าเลยแล้วผมจะรอ แล้วยกมือไหว้อาจารย์
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน อาจารย์ก็ต้องไปตัดผมอีก แต่ก็ไม่ได้โทรไปก่อนเพราะคิดว่าร้านแกคงว่างอยู่แล้ว เหมือนครั้งแรกที่ไปแกไม่มีลูกค้าเลย แต่ครั้งนี้พอไปถึง...ตกใจ...อะไรนี่คนเต็มร้าน แกหันมาเห็นอาจารย์ก็ยกมือไหว้แล้วบอกว่า อาจารย์ครับน่าจะโทรหาผมก่อนจะได้ไม่ต้องรอคิวเสียเวลาอาจารย์ ตอนนี้มีอีก 3 คิว
สุดยอดเลย จากร้านที่มีบรรยากาศเงียบเชียบ แต่ละวันก็มีลูกค้าแค่คน-สองคนเท่านั้น แต่พอเปลี่ยนชือที่อาจารย์ตั้งให้แล้ว กลับมีคนเข้าร้านจนต้องรอคิวกัน ไม่แต่ครั้งที่สอง ในเดือนถัดมาอีกอาจารย์ทดสอบโดยไม่โทรไป อยากรู้ว่าจะมีคิวอีกมั้ย ก็ปรากฏว่าต้องรออีก 2 คิวครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ